ท่อประปาแบ่งออกเป็นกี่ชนิดและคุณสมบัติของแต่ละชนิด
ท่อประปาเป็นวัสดุสำคัญในการส่งน้ำไปยังบ้านหรืออาคารที่ต้องการ อย่างไรก็ตามมีการแบ่งท่อประปาออกเป็นหลายชนิด แต่ละชนิดมีการออกแบบและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ จะกล่าวถึงชนิดของท่อประปาและคุณสมบัติของแต่ละชนิดเพื่อให้เข้าใจในการเลือกใช้ท่อประปาอย่างถูกต้อง
1. ท่อพีวีซี (PVC pipe)
ท่อพีวีซีเป็นวัสดุท่อสำหรับน้ำที่พบได้ง่ายที่สุดและราคาไม่แพง วัสดุนี้เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อสภาพแวดล้อม ส่วนใหญ่แล้วใช้สำหรับการติดตั้งระบบประปาที่ใช้น้ำที่ไม่มีแร่ธาตุหรือสารเคมี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้สำหรับการไหลของน้ำในการป้องกันและซ่อมแซมท่อชำรุดได้
2. ท่ออะซีเรียน (AC pipe)
ท่ออะซีเรียนเป็นวัสดุสำหรับท่อประปาที่มีความคงทนต่อแรงกดที่สูง จะใช้สำหรับการส่งน้ำสูงสุด 20 บาร์หรือสูงกว่า ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับติดตั้งท่อประปาในโรงงานหรืออุตสาหกรรมที่ใช้น้ำเย็น
3. ท่อโพลียูรีเทน (Polyurethane Pipe)
ท่อโพลียูรีเทนเป็นวัสดูท่อที่ใช้สำหรับเก็บน้ำและขนส่งไปยังบ้านหรืออาคารที่ต้องการ มีความทนทานด้านกดแรงและทนทานต่อการแตก ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในกรณีที่มีแรงดันสูง สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีระบบส่งน้ำแยกๆ
4. ท่อโพลิเมอร์ (Polymer Pipe)
ท่อโพลิเมอร์เป็นวัสดุสำหรับท่อประปาที่สามารถทนทานต่อแรงดันจากน้ำได้มาก และไม่มีการรั่วไหลหรือการแตกบวก มุ่งเน้นไปที่การทำให้ระบบมีประสิทธิภาพสูง
5. ท่อส่องสาย (HDPE Pipe)
ท่อส่องสายเป็นวัสดุท่อที่แรงขึ้น ทนทานต่อแรงดันด้านกดและกระแทก สามารถใช้สำหรับส่งน้ำตลอดเส้นทางได้ มีรูปทรงที่ผ่านการออกแบบเพื่อป้องกันการรั่วไหลและการแตกของท่อ
6. ท่อสีน้ำเงิน (Blue Pipe)
ท่อสีน้ำเงินเป็นวัสดุท่อขนาดใหญ่ที่มีความทนทานต่อแรงดันและมีการระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้สำหรับการส่งน้ำได้โดยที่ไม่ต้องใช้ช่องแยกหรือช่องเหลี่ยม
7. ท่อถังเก็บน้ำ (Tank Pipe)
ท่อถังเก็บน้ำเป็นวัสดุท่อที่มีความทนทานสูงต่อการบิดหรือแตก มีลักษณะเป็นปั้นเรียวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความต้านทานในการแตก สามารถใช้สำหรับเก็บน้ำในแหล่งพักเหลืองหรือกระบายน้ำได้
ในการเลือกชนิดของท่อประปาที่เหมาะสม ควรพิจารณาตามเงื่อนไขการใช้งานทั้งหมด เช่นการใช้งานจริงของระบบประปา แรงดันของน้ำ และโหลดที่แนบมากับหัวจ่ายน้ำ รวมถึงปัจจัยจากภูมิภาคด้วย โดยในการเลือกใช้ท่อประปานั้น ควรคำนึงถึงคุณภาพสูงสุดและการยืดหยุ่น เพื่อให้น้ำไหลได้ไม่มีการแตกหรือรั่วไหลและระบบประปามีประสิทธิภาพสูง.