The Enigmatic Tale of the Boy of Death 145 in Thailand
นับตั้งแต่ยุคโบราณ, ประเทศไทยเคยมีเรื่องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผี ต่างๆ ในตำนานไว้มากมาย แต่เรื่องของเด็กผู้เคยตาย 145 มีความลึกซึ้งและน่าหวาดหวั่นไปพร้อมกัน ในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปสัมผัสกับเรื่องราวนี้และค้นหาคำตอบในความลึกลับของเรื่องนี้
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 ภายในที่บ้านหนองม่วง ตำบลหนองหงษ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครราชสีมา มีเด็กชายอายุประมาณ 4-5 ปีใกล้บ้านคนทั้งหมดรู้จักกันดี
เด็กชายนี้มีชื่อว่า หนุ่มตาย ชื่อเล่นเลียงเชียง ซึ่งเป็นลูกชายของครูโรงเรียนท้องถิ่น และที่มาของชื่อเล่นเลียงเชียงก็คือ เพราะเคยเข้ามาดูงานเกี่ยวกับสัตว์ และชื่อเล่าชาวบ้านก็จึงเรียกเขาว่า “หนุ่มตาย ชื่อเล่นเลียงเชียง” ต่างจากชื่อจริงของเขาอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็น คุณชาย โชติเดช
เด็กชายนี้เป็นเด็กที่เจ้าของใจและน่ารัก หลังจากที่เรียนโรงเรียนเล็กๆ หมอบำบัดของที่บ้านก็จะมาเข้าดูและสอนให้หนุ่มตายน้อยคนนี้ เรียนรู้เกี่ยวกับการแต่งกาย การถัดผม และการดำเนินชีวิตที่รอบคอบขึ้น
แต่ว่ายุคก็ผ่านไปเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2521 หนุ่มตายก็ได้ตกลงไปนั่งใต้ตาข่ายซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ได้รับมอบหมายให้หนุ่มตายมารับอยู่นานแล้ว แต่เมื่อกลับมามีเพียงแค่ตาพร่ามืดสลัว ไปจนถึงครั้งที่หนุ่มตายกลับไม่รู้สึกตัว เพื่อนเพื่อนก็เรียกว่า หนุ่มตาย 145
พอวันนี้ถึงมาถึง ชาวบ้านที่พบเห็นเด็กน้อยเสียชีวิตตามว่า “หนุ่มตาย” ตัวเดียว ตายคนนี้ทำให้คนในชุมชนต้องสะท้อนกันในเช้าวันนั้นมีผู้ที่ได้ยินเสียงกระซิบว่า เขาเห็นหนุ่มตาย 145 เดินมาบอกเพื่อนว่า เขาต้องการจะอยู่ในโลงพยาบาล จากนั้นถูกนำกลับมาที่คณะกรรมการ และเพื่อนๆก็เรียนรู้ว่า หนุ่มตาย 145 ได้อมตาช้าง (อาหารธรรมชาติ) ไปแล้ว และได้เกิดเป็นพลังงานให้กับชาวบ้าน
แต่จิตวิทยาศาสตร์คิดว่าเป็นเรื่องสังเคราะห์ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมหนุ่มตาย 145 ถูกเลือกเสียชีวิตอย่างนั้น และเกิดปีตาย เรื่องราวนี้ก็ได้ยืนยันถึงความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายอย่างที่ดี และมีผลต่อการจัดการกับเขตเสี่ยงในอนาคตด้วย
ในสมัยที่เราอยู่ตอนนี้ เรายังคงสงสัยว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตายคืออะไร และสิ่งที่เป็นความลับเดินเป็นรอยของเรื่องนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของการสืบค้นต่อไป การแก้ไขปัญหาเท่านั้นจะทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความลึกลับของเรื่องนี้ และเราอาจจะได้เรียนรู้จากเรื่องราวนี้ว่า ชีวิตไม่ได้จริงจังเท่าที่เราคิดเสมอไปแล้วแต่ได้กล่าวมาแล้วคือความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น คำถามที่เราเห็นว่าเกี่ยวกับ “หนุ่มตาย” 145 ของไทยในวันนี้นั้น จะเป็นรายการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงและคำถามในอดีต เป็นศึกษาสิ่งเหล่านี้ที่เราเรียกว่าประวัติศาสตร์ เพื่อให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอดีตและช่วยให้เราจัดการกับปัญหาในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น โดยขึ้นตรงกับคำกล่าวของสุภาวดี ว่า “ไม่มีใครที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของเรา แต่มีแค่ความหวัง ความรักพอให้เราเดินทางไป”