กลับ ชาติ มา ล้างแค้น: เสียงประชาชนต้องการความยุติธรรม
การดำเนินการของรัฐบาลของประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้หลายครั้งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญในปี พ.ศ.2560 เกี่ยวกับรัฐประหารที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2557 แต่พอมาถึงปี พ.ศ. 2564 การของประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงใหม่ในทิศทางที่ดีขึ้น ด้วยการกลับบ้านมาของผู้ลี้ภัยเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2563 และการดำเนินคดีที่เป็นที่ต้องการของประเทศ
“กลับ ชาติ มา ล้างแค้น” เป็นคำอธิบายที่สร้างมาจากการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผลจากพายุฝนตกหนักในปี พ.ศ.2563 ที่ทำให้น้ำท่วมขังบริเวณหลายพื้นที่ การดำเนินงานนี้ได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการคืนความภาคภูมิใจในประเทศ ในขณะที่ประชาชนได้รับการสนับสนุนของเทศบาลในท้องถิ่นสำหรับการสร้างผู้ประกอบการใหม่ในพื้นที่
แต่ไม่มีวิธีใดที่จะสามารถนำคืนความมั่นใจและความสูญเสียให้กับผู้ประกันชีวิตที่สูญเสียเป็นเงินจำนวนมากในเหตุการณ์ประหารรัฐบาลในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งส่งผลให้เค้าได้รับความทุกข์ยากทั้งด้านการเงินและการจิตใจ แต่ก็ยังมีการได้ยินเสียงที่อธิบายถึงสิ่งที่เรียกว่า “กลับ ชาติ มา ล้างแค้น”
การล้างแค้นแบบนี้ไม่ใช่เพียงแค่การยกเลิกความเสียหายเท่านั้น แต่ยังได้รับการอธิบายว่าเป็นการก่อตั้งไว้เพื่อให้ผู้ประกันชีวิตและเหล่าญาติของพวกเขาได้หมุนหน้ามองข้างหน้า ความหวังที่ว่าผู้รอดชีวิตจะได้รับการช่วยเหลือในระยะยาวๆ นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์ทราบดีว่ามันจะยากมาก แต่ก็ยังคงมีเสียงประชาชนที่ยืนยันว่าความยุติธรรมเป็นสิ่งที่ผู้ประกันชีวิตได้รับสิ่งที่สำคัญ
เท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเป็น “กลับ ชาติ มา ล้างแค้น” การหมุนหน้ามองข้างหน้าหลังจากการเผชิญหน้ากับการเสียหายทางจิตใจและการเงินอย่างมาก เพื่อมองหาวิธีในการสร้างสิ่งที่เท่าเทียมกับผลกระทบที่เขาได้รับจากการเผชิญหน้านั้น และการกลับบ้านในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยส่งผลให้การเชื่อมั่นของประชาชนในรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่าเสียงประชาชนมีอิทธิพลอย่างมากในการสร้างบุคลิกภาพของประเทศและกระตุ้นการเก็บเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกันชีวิต
ประชาชนไทยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เพียงพอเมื่อเทียบกับผู้ประกันชีวิตของคนในต่างประเทศ แต่สิ่งที่ได้รับความเพียรเกี่ยวกับภูมิปัญญาของผู้ประกันชีวิตที่รอดชีวิตในรัฐบาลไทยก็ช่วยเสริมสร้างการเชื่อมั่นของมวลชนได้ด้วย คือการที่คนคิดถึงความยุติธรรมโดยไม่กลัวต่อผลกระทบที่เขาจะได้รับ และพวกเขาทั้งหลายจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ซึ่งได้รับการฟื้นฟูและมีความสามารถที่จะช่วยเหลือผู้ประกันชีวิตอย่างเต็มที่
“กลับ ชาติ มา ล้างแค้น” เป็นศัพท์ที่ได้รับความหมายทางสังคมที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับประเทศไทย คำว่า “กลับ ชาติ มา ล้างแค้น” นี้เป็นเพียงแค่ลู่วงโฆษณาของรัฐบาลเท่านั้น ขณะที่สำหรับผู้รอดชีวิตและเหล่าญาติของพวกเขา มันเพียงแค่เป็นอาการที่ได้ส่งผลกระทบและความทุกข์ยากให้กับพวกเขา
แต่ในทางกลับกัน การใช้คำว่า “กลับ ชาติ มา ล้างแค้น” นั้นก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสร้างสิ่งที่ดีขึ้น โดยอาจจะช่วยให้คนรับคืนความรักและความภาคภูมิใจในประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามภาวะและสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้าต่อเหตุการณ์ประหารรัฐบาลนั้นยังคงอยู่ จึงต้องคอยสอดส่องและปรับปรุงระบบที่เป็นเชิงนโยบายหรือกฎหมาย ด้วยทั้งนี้ การปรับปรุงระบบก็จะเป็นการสร้างฐานสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกันชีวิตได้รับความมั่นใจในการลงทุนในประเทศไทย
ในนามของผู้ดูแลระบบทุเรียน ฉันหวังว่าทางการเมืองและภาคธุรกิจจะมาช่วยกันสร้างสังคมที่มั่นคงและเจริญก้าวหน้า ให้ส่งผลให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหลังจากเหตุการณ์ประหารรัฐบาลนั้นสามารถนำออกมาสู่สิ่งที่ดีขึ้น และอย่างในความเป็นจริงเท่าที่เค้าได้บอกว่ากลับ ชาติ มา ล้างแค้น เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อช่วยผู้ประกันชีวิตและเหล่าญาติของพวกเขาในการรับมือกับความทุกข์ยากที่เขาได้เผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้ และสุดท้ายนี้ ผมหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ให้ได้สัมผัสประโยชน์และความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยอย่างแท้จริง