พิธี อุทิศ ส่วน กุศล ให้ แก่ ผู้ ล่วงลับ ไปแล้ว คืออะไร
ในชุมชนไทยที่มีความเชื่อถือในพระผู้เป็นองค์สูงสุด การรับทราบถึงความตายของผู้ใกล้ชิดก็เป็นสิ่งที่เอื้อมเอียง ประเพณีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ก็ถือเป็นหน้าที่ทางศาสนาที่ชุมชนไทยใช้เพื่อเผยแพร่ความเชื่อในพระผู้เป็นองค์สูงสุดที่ยิ่งใหญ่และอันเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่ง
ในการอธิบายประเพณีอุทิศส่วนกุศล นั้นจะต้องเริ่มต้นจากเหตุการณ์ครั้งนึงที่ผู้คนได้สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีพระผู้เป็นองค์สูงสุดอยู่ในสังคมบนโลกนี้ นั่นคือตอนที่ผู้คนได้เห็นฟ้าและดินเชิดไปในเวลาเดียวกัน คนจำนำก็ได้เผยแพร่ความเชื่อของตนว่ามีพระผู้เป็นองค์สูงสุดได้อยู่บนโลกนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ได้แปลว่าเป็นสิ่งที่ยืนยันความเชื่อครั้งแรกเกี่ยวกับพระผู้เป็นองค์สูงสุดในล้านนาไทย
ต่อมาประเพณีอุทิศส่วนกุศลเริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่ผู้ใกล้ชิดจากต้นบรรพบุรุษได้เสียชีวิตแล้ว ในวันที่ผู้ใกล้ชิดเสียชีวิตแล้ว คนในชุมชนจะมาช่วยงานเพื่อเตรียมเร็วที่สุดเพื่อให้การปล่อยตัวของวิญญาณไปตามสายธารของฟ้า ซึ่งการเตรียมตัวนี้จะประกอบไปด้วยการทำความสะอาดบ้านและพื้นที่ของการบูชาอัญเชิญพระผู้เป็นองค์สูงสุด และการจัดเตรียมบุญอาหาร โดยจะใช้ข้าวเหนียวและเครื่องแกงเนื้อหมูและทอดกระเทียมเห็ดผัดไข่เป็นอาหารประจำ
ในวันที่อุทิศส่วนกุศล ทุกคนจะพบกันในบ้านของผู้โดนสละชีวิตและก็จะมานั่งรอเวลาเพื่อสัมผัสการอุทิศ ซึ่งบ้านจะถูกปิดประตูล็อกไว้ไม่ให้โดนการแตะเข้ามา ต้องอยู่รอบๆโต๊ะบูชาของพระผู้เป็นองค์สูงสุด โดยในตอนนี้จะมีการอ้อนวอนและประกาศกรรมว่าเรียกชื่อของผู้ล่วงลับว่าอยู่ในสมาคมรวมวัตถุ เมื่อเชิญเรียกชื่อได้แล้ว จะเข้าสู่ขบวนการบุกรุกสถานที่ของพนักงานศาสนา ซึ่งเป็นสถานที่ผู้ที่เสียชีวิตแล้วและในบางครั้งอาจมีการซ่อนไว้ตลอดเวลา
เมื่อเข้าสู่สถานที่ ทุกคนจะลงบนพระอารามหาบัว และจะมีการทำการพิถีพิถันหรือปกคลุมความรู้สึกที่จะให้ได้เกิดขึ้นขณะที่ดำเนินการบูชาอยู่ และพิธีจะมีการร้องเพลงประกอบไปด้วย หลังจากนั้นพิธีจะเริ่มดำเนินการเจ้าหน้าที่สวดบูชาให้กับผู้ล่วงลับทั้งหมด แล้วจะมีการกอดด้วยเครื่องไหนของศาสนาตามประเพณี จากนั้นบุญธาตุของผู้บุกรุก และผู้ดูแลที่เชิญเรียกชื่อจะถูกนำมาแต่งกายและการอธิบายเวลาเว้นวรรคขณะเสริมสวยชาวบ้าน
หลังจากพิธีอุทิศส่วนกุศลเรียบร้อยรวมทั้งการสวดบูชาเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนจะได้รับโอวาทแล้วออกจากสถานที่ โดยไม่คิดเกี่ยวกับการพาไปเผยแพร่ของพระผู้เป็นองค์สูงสุดที่ยิ่งใหญ่แต่เพียงชั่วครู่เดียว แต่จะต้องลงมือปฏิบัติกันอย่างหนักหน่วงในการหยุดพักผ่อนภาพอำนาจของพระผู้เป็นองค์สูงสุดให้ได้สืบทอดต่อไปในแนวที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดประเพณีอุทิศส่วนกุศลให้ต่อไปในกลุ่มคนในสังคมอื่นๆเพื่อเผยแพร่ความเชื่อของศาสนาจากนี้ไป
ในสังคมไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ประเพณีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับยังคงเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และของลูกหลานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนๆ ในไทยก็ยังมีการกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความเคารพนับถือต่อพระผู้เป็นองค์สูงสุดและสืบทอดประเพณี แม้กระทั่งในยุคปัจจุบันอย่างแม้แต่เมืองหลวงบางกอกนี้ก็ยังมีการต่อสู้เพื่อเผยแพร่ประเพณีนี้อยู่เสมอกัน ยังคงเป็นสิ่งที่ได้รับการรักษาอย่างดีขึ้นถึงวันนี้ โดยสามารถเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงและฝึกฝนความรู้ในศาสนาของคนไทยซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันนั่นเอง ในสมัยสมบูรณ์ของกาลพิมพ์นั้น การรักษาประเพณีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับก็ยังสำคัญไม่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับสมัยหลวงหน้ายุคประวัติศาสตร์แล้วก็ว่าได้ แม้กระนั้นสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากก็คือการจัดทำประกันชีวิตและบริหารการฝึกอบรมเพื่อเป็นครูอุทิศส่วนกุศลถือเป็นสิ่งจำเป็นน้อยจนกระทั่งบางครั้งเพื่อเข้าไปรับทานเพื่อพักผ่อนขณะอื่นๆด้วย แต่ประเพณีในส่วนของการอุทิศส่วนกุศลมีความสำคัญยังคงเป็นเช่นเดียวกัน และยิ่งใหญ่อย่างมากในวันปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งที่สามารถเผยแพร่ความเชื่อในพระผู้เป็นองค์สูงสุดได้อย่างคุ้มค่าและเป็นจุดเริ่มต้นในการฝึกฝนศิลปะธรรมบำบัดสมาชิกในชุมชนของเราให้เข้าใจและทราบถึงพระผู้เป็นองค์สูงสุดมากขึ้นด้วย