“ผู้ชนะเถียงเป็นคนชนะใจ” เป็นคำคมที่มีความหมายสำคัญและเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมไทย มีความหมายว่า ไม่ว่าในการเถียงและชนะในกรณีใดๆ ก็ต้องให้ความสำคัญกับความเข้าใจและความเป็นกันเองของฝ่ายอีกฝ่ายด้วย เพราะว่าการชนะที่แท้จริงไม่มีใครเสียเปรียบและเมื่อมีความเข้าใจกันแล้ว จะทำให้ทุกฝ่ายในการเถียงจบลงด้วยความสงบเรียบร้อย
ถ้าลองดูในสังคมของเราถือเป็นสังคมที่ชอบเถียงและมีการสนทนากันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องเกี่ยวกับการเมือง การเบาะแสหรือการหลีกเลี่ยงการเบี่ยงเบนความคิดไม่ค่อยถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ ด้วยเหตุนี้ทำให้การเชื่อมโยงจนถึงแรงกดดันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความเป็นเชื้อชาติเดียวกันแต่มีสถานะการเงินและอำนาจทางการเมืองที่แตกต่างกันออกไป
แม้กระทั่งในที่ทำงานเราก็จะพบเห็นการเถียงกันอยู่เสมอ เช่นการที่ผู้บริหารต้องการมีการตัดสินใจแต่ทีมงานต่างก็มีความคิดแตกต่างกันออกไป หรือการมีปัญหาเกี่ยวกับผลงานที่ไม่ได้ผลเป็นที่ปรึกษาแต่งงานก็ต้องแสดงความคิดเห็นของตนเอง เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้แต่ละฝ่ายต้องมีการเไย่อกัน ซึ่งถ้าไม่รีบแก้ไขกันทันด่วน เหตุนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความขัดแย้งขึ้นและเป็นอันตรายต่อการทำงานร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม การเถียงกันไม่ได้หมายความว่าเราต้องมีคู่ต่อสู้กันตลอดเวลา สำหรับผู้ชนะเถียงเขาก็ควรมีความเป็นกันเองไม่น้อยเช่นกัน โดยปกติแล้วผู้ชนะเถียงนั้นจะเป็นคนที่มีความช่างยิ่งและเข้าใจง่ายในเรื่องที่ผิดปกติ โดยเราอาจจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นเช่นในกรณีที่เราต้องการที่จะจับไอเดียของผู้อื่นมาปรับให้ตรงกับรูปแบบที่ต้องการ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกัน
สำหรับผู้ชนะเถียงควรรู้จักใช้คำพูดอย่างถูกต้องและสุภาพไม่ว่าจะกับพนักงานหรือเพื่อนร่วมงาน เพราะการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกหยาบคายและมีความคิดเห็นเกียจชิบหายใจกับเราแทน ซึ่งถ้าต้องการให้ผู้อื่นเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีกันให้แนะนำให้ใช้คำพูดอย่างสุภาพและมีความเข้าใจ
นอกเหนือจากนี้คุณควรจะรู้สึกสุขใจกับการที่ชนะด้วยแรงงานของตัวเองและไม่ต้องไปเจาะเข้าไปในเรื่องของฝ่ายอื่นก็ดีนะ การพูดคุยในแง่สันดานหรือเหยียดหยามนั้นอาจเป็นผลกระทบต่อตัวผู้อื่นอย่างมากและด้วยเหตุนี้อาจทำให้เราเสียเพื่อนกลายเป็นศัตรูได้
สุดท้ายนี้การเข้าใจและมีความเป็นกันเองของคนอื่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่เข้าใจและไม่เอาใจใส่ต่อผู้อื่น เราจะไม่สามารถมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ตามความเป็นจริง สำหรับผู้ใดที่ต้องการที่จะเป็นผู้ชนะเถียงเพื่อสร้างความเข้าใจและเป็นกันเองที่ดีกับผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจความคิดเห็นของเราอย่างเต็มที่ ย่อมต้องผ่านการปรับแต่งและการฝึกฝนศักย์ธรรมจริงๆ ซึ่งมีประโยชน์ในอีกหลายๆ ด้านอย่างแน่นอน
สรุปแล้ว “ผู้ชนะเถียงเป็นคนชนะใจ” เป็นคำคมที่สอนให้เราทราบถึงความสำคัญของการเข้าใจและเป็นกันเองในการเถียงกัน ถ้าหากเราไม่ทราบถึงหรือไม่ใช้หลักการนี้ เราอาจเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งกันอย่างมากและด้วยเหตุนี้การปฏิบัติตามหลักการนี้จึงนั้นสำคัญอย่างมากที่จะช่วยทำให้เราสามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นและทำให้การต่อสู้ร่วมทีมเป็นไปได้อย่างไร้ปัญหา ด้วยเหตุนี้บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและเลี่ยงการเจอปัญหาชนิดนี้กันได้ดีขึ้นนะคะ
