ภูตแม่น้ำโขง: ตำนานเรื่องราวของตัวอสูรใต้น้ำ
ภูตแม่น้ำโขง: ตำนานเรื่องราวของตัวอสูรใต้น้ำ
ความเชื่อในภูตแม่น้ำหรือก็คือตัวอสูรใต้น้ำมีต้นกำเนิดมาอย่างนานนับพันปี โดยอาศัยตัวอสูรเหล่านี้เพื่อช่วยให้ชาวประมงที่อาศัยในพื้นที่แถบตลิ่งชันและคอนกรีตต้องการจะได้สืบต่อวิถีชีวิตตามวัฒนธรรมของตนเองไปให้ยั่งยืนและไม่เลิกล้างไปด้วยเหตุการณ์ยุติธรรมของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ภายในท้องทะเล ฐานะของภูตแม่น้ำบางแห่งนั้นถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์และเป็นเรื่องสืบทอดกันมาโดยไม่ต้องมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด ลักษณะการเชื่อมโยงตัวของคนและภูตแม่น้ำก็เมื่อแต่ละคนมีความเชื่อที่ซึ่งกันและกันมากมาย ซึ่งถ้ามองในแง่ของวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงดังที่คนในชุมชนก็ยังคงเชื่อไปแบบนั้นอยู่ในบางแห่งอย่างกว้างขวาง
แต่เมื่อพูดถึงตำนานของตัวอสูรใต้น้ำที่มีชื่อว่า “ภูตแม่น้ำโขง” นั้นก็เป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจจากคนในชุมชนชาวประมงและชาวท้องถิ่นในอำเภอเมืองกระบุรี ซึ่งส่วนมากจะได้ยินเรื่องราวในกลุ่มคนจากหน้าน้ำที่เคยได้เกี่ยวข้องกับตัวอสูรใต้น้ำ ที่สร้างความหวาดกลัวและตกใจให้กับใครที่ได้ยินมัน เพราะเป็นเรื่องราวที่ต่างออกไปจากเรื่องราวของตัวอสูรที่คนรู้จักอยู่ในท้องทะเลแถบตอนล่าง จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภูตแม่น้ำโขงนั้นคือการกินเนื้อมนุษย์ไปเป็นอาหาร ซึ่งเป็นฤดูกาลลูกชิ้นซี่อยู่แล้วและคนในชุมชนมักจะไม่กล้าเข้าน้ำในเวลาเหลืองซึ่งภูตแม่น้ำโขงนิยมลงมากินกับเพื่อเป็นกำลังใจต่อว่านานขนาดไหน
ตามคำบรรยายของคนในชุมชน กล่าวว่าในโบราณมีตัวอสูรชื่อว่า “นาก” ที่เคยถูกผู้คนนำผ้าดิบและผลไม้น้อยๆได้นำมาเสนอเป็นของทองและเงินเพื่อระบายโชคยังคงมีความเชื่ออยู่ในคนในชุมชนซึ่งมีฐานะเงินทองมานานหลายร้อยกว่าปี แต่ว่า “นาก” กลับถูกล่าได้ จนกระทั่งเจ้าตัวโชคร้ายนี้ได้ตัดสินว่าจะกลายเป็นตัวอสูรใต้น้ำที่มาสะท้อนความโหดร้ายเป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ของภูตแม่น้ำโขงจึงมีลักษณะคล้ายโลงต่างๆ ที่อยู่สูงในท้องน้ำ โดยอาหารและเครื่องดื่มของภูตแม่น้ำโขง ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนประมงและชาวท้องถิ่นที่ใกล้ชายฝั่งต้องตะเวนตัวตนอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อเจ้าตัวนี้ออกมาให้ผู้คนได้เห็นก็คงไม่มีใครสามารถยังงั้นไปได้เลย
เรื่องราวของภูตแม่น้ำโขงนี้อาจมีพื้นฐานมาจากเรื่องราวของกลุ่มเผ่าสันสกฤตที่อาศัยอยู่บริเวณหน้าน้ำยุคประวัติศาสตร์ หรือมีสิ่งที่เรียกว่าเมือง Bong Navua ที่เคยติดตั้งบนลุ่มแม่น้ำเมเลย์ชื่อตัวอสูรใต้น้ำว่า “Daku” ที่ได้รับการนำมาประดิษฐ์เป็นธงชาติสำหรับเผ่าสันสกฤต ทั้งนี้แม้จะไม่ได้ยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงขนาดไหน แต่ก็เป็นเรื่องราวที่มากับบรรดาพื้นฐานและสืบทอดกันมา ถ้าถามหาความเชื่ออื่นๆที่เคยอยู่ในสิ่งที่มนุษย์ร่วมทำในช่วงเวลาต่างชาติและสมัยก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นชาติไทย, จีน, ญี่ปุ่น หรือว่านักเดินเรือและพ่อค้าระหว่างประเทศก็มีความเชื่อในจิตวิญญาณและวิญญาณของเรือเป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่มาจากสิ่งที่มนุษย์สัมผัสเห็นเป็นปกติในไหนก็ตาม
ด้วยความสนใจที่สูงของคนในชุมชนและคนที่ใกล้ชายฝั่งนั้นจึงได้ตัดสินว่าจะนำเรื่องราวของภูตแม่น้ำโขงไปสื้อสาวเอเชียเล็กๆในพระบรมฉายาลักษณ์ธรรมมิสตอักษริย์ในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่งที่ยังมีการอภิปรายอย่างหนักหน่วงในการถ่ายเสียงเสียงผสมผสานและการไกล่เกลี่ยไปแล้วมากมายในระหว่างปี พ.ศ. 2480–2486 เล่าถึงแนวคิดว่าอย่าต้องจำเป็นต้องมีวิธีพิสูจน์สิ่งที่มีความเชื่อโดยตรง แต่บางครั้งความเชื่อก็เป็นเรื่องที่มีความหมายต่อสิ่งมีชีวิตอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องสนุกสนานให้กับผู้ฟังทั่วไปที่มีความสนใจในสิ่งที่แปลกและน่าสนใจ เพราะเป็นเรื่องราวที่ได้รับความรู้จักและความสนใจอย่างกว้างขวางตลอดกาล ซึ่งพบได้ในสำนักงานท่องเที่ยวและวัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งคดีความผิดที่ต่างๆ จนถึงปัจจุบัน