ดาราชื่อมายด์เผยความอัปถั่วของตัวเอง
ดาราชื่อมายด์เผยความอัปถั่วของตัวเอง
“หน้ากาก” ของทุกคนต่างมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ็บปวดทางอารมณ์ การถูกทำร้ายทางร่างกาย หรือความไม่ชอบต่อสังคมที่มีให้เข้าไปเลือกรับฟัง และมายด์ ศุภปัญญา ดาราชื่อดังในวงการบันเทิงไทย ก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหล่านี้เช่นกัน แม้ว่าอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม น้องหน้าขาวที่แวะเข้ามาเล่าเรื่องเหล่านี้เป็นที่ต้องการให้ผู้คนเข้าใจกันมากขึ้น
งานแต่งงานที่ต้องเปิดเผยตัวเอง
เมื่อฉันสองสิบปี … มันก็เป็นการทดสอบความอดทนของฉันเลยที่ต้องเปิดเผยตัวเอง …. ….. … ฉันไม่รู้บอกได้ว่าเงินเก็บได้เท่าไหร่ ส่วนมากมันก็ช่วยกันกับงานและประทับใจคนอื่นนั่นเอง
ดังนั้น ถึงแม้ว่ามายด์จะขาดแคลนหนี้สินในวงการบันเทิงจนต้องมาตัดสินใจเติมเต็มบัญชีเงินฝากด้วยการพยายามในการยิงภาพ ยังไงเขาก็คงไม่อายจะเปิดเผยเรื่องเงินเพื่อหาความช่วยเหลือและคำปรึกษาจากเพื่อนที่เกี่ยวข้อง เพราะเขาเชื่อว่าทุกคนต่างกัน ช่วยเหลือกันได้
“การจบแต่งงานมันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่าฉันต้องหาทางแก้ปัญหาโดยไม่หวั่นไหวหรือกลั้วล่วงไปเลย เพราะชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของพวกมัน และไม่ใช่เส้นทางเดียว ถ้าเราใช้แค่เส้นทางเดียวแล้วมันไม่ได้งานอาชีพของเราแล้วเราก็จะเสียการทำงานนั้นไปด้วย” กล่าวมายด์
การรักษาพื้นที่ส่วนตัวหลังหมดความนิ่งเหงา
มายด์สภาพจิตที่ชอบคนร่าเริงและมีความสุข แต่ก็ต้องใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสุขให้กับตัวเองบ้าง ตอนที่ฉันต้องรักษาความเย็นเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ฉันสามารถกลับไปทำงานใหม่ได้นานขึ้น” เพราะนอกจากเป็นเวลาประทับใจแล้ว การปล่อยอารมณ์ต่างๆของตนเองโอกาสจะทำให้ฉันทำงานได้เต็มกำลัง
การพยายามศึกษาและพัฒนาตนเอง
นอกจากนี้ มายด์ยังเติบโตเองด้วยการเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานของตนเองอีกด้วย โดยอย่างเช่นเขาเคยทดลองด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรับการอบรม เพื่อเพิ่มความสามารถทางด้านสิ่งแวดล้อมของตนเอง และเปลี่ยนการแสดงอย่างเรียบง่ายให้เป็นความคลั่งไคล้ในการสร้างสรรค์ ด้วยดนตรีของตนเอง
บทสรุป
ในวันนี้เราได้พูดคุยกับดาราชื่อมายด์ ศุภปัญญา ตัวแทนของประเทศไทยในวงการบันเทิง เราได้พูดถึงความอัปถั่วของตนเอง การตัดสินใจเติมเต็มบัญชีเงินฝากเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เกี่ยวข้อง และการรักษาพื้นที่ส่วนตัวหลังจากความวุ่นวายแบบรีวิวการจ้างงาน นอกจากนี้เขายังมีพื้นฐานการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเล่นดนตรีของตนเองในผลงานของเขา
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม เราอาจมี “หน้ากาก” มากแค่ไหนก็ตาม แต่มีสิทธิ์ที่จะออกมาแชร์เรื่องราวภายใน ไม่ว่าจะเป็นความอัปถั่ว หรือความสำคัญของการพัฒนาตนเอง การเปิดเผยแบ่งปันเหล่านี้ไม่ได้แต่ช่วยเทียบท่าและทำให้เกิดการเชื่อมโยงและเชื่อมกันต่อไปในการต่อสู้กับ “หน้ากาก” ของตนเอง
ในภาคต่อไป เราจะมาเล่าเรื่องของสตาร์ชื่อดังอีกนานาประการอื่นๆที่การเปิดเผยของพวกเขานั้นน่าประทับใจและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของคุณบ้างใช่ไหมหลายคน?